Travel with My Family ^^"

ฺCalendar

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

รู้นิสัยใจใหมา










กลัวมือ
                โดยธรรมดาแล้วลูกหมาจะเกิดความกลัวเกรงต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้จากความฝังใจต่อสิ่งนั้น ๆ  ว่าใครเคยกระทำอะไรต่อตัวมันให้บังเกิดความกลัว ความไม่พอใจ หรือความเจ็บปวดมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ที่เลี้ยงดูมัน ยกตัวอย่างเช่น การลงโทษเมื่อลูกหมาทำความผิด กัดรองเท้า แทะขาโซฟา ฯลฯ  ด้วยการใช้มือตี เพื่อหวังให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว สุดท้ายเมื่อเจอมือคนเมื่อไรเป็นถอยหนีทุกที ก็เพราะความฝังใจว่ามือคนคือศัตรู สิ่งที่เมื่อถูกสัมผัสทีไรเป็นเจ็บตัวทุกครา อาการผวาหรือแหยงมือจนถึงกลัวมืออย่างที่เจ้าเถื่อนของคุณศิริพรจึงบังเกิดขึ้น หมาบางตัวที่มีพฤติกรรมกลัวมือขึ้นในระยะแรก อาจพัฒนาความรุนแรงจนต่อมากลายเป็นความก้าวร้าวที่แสดงออกแทบทุกครั้งเมื่อถูกกระตุ้นด้วย “มือมนุษย์” เช่น กัดหรือทำร้าย เมื่อมีความพยายามใช้มือจับต้องตัวหมา
                วิธีแก้ไขหรือบำบัดพฤติกรรมกลัวมือ สามารถทำได้โดยสร้างความเปลี่ยนแปลงความคิดต่อมือของหมาเสียใหม่ ให้รู้สึกว่ามือเป็นสิ่งที่นำมาซึ่ง ความสนุก อ่อนโยน สัมผัสแห่งความเป็นมิตร แทนที่จะก่อความกลัว หรือเจ็บปวด  เมื่อถูกสัมผัสดังที่เคยประสบมาโดย
  • หมาส่วนใหญ่ จะกลัวหรือเกรงต่อฝ่ามือมากกว่าหลังมือ ฉะนั้นการสัมผัสหรือเข้าหาหมาด้วยมือ อย่าใช้ฝ่ามือแบบแผ่หลาเข้าหา เพราะมันดูคล้ายการข่มขู่ การตบ การทำร้าย ไม่น่ารื่นรมย์เท่ากับหลังมือ (แต่การใช้ลูกแบ็คแฮนด์บ่อย ๆ ก็อาจทำให้กลัวได้เช่นกัน)
  • เมื่อหมา อยู่ในภาวะสงบ ผ่อนคลาย ไม่ตื่นกลัว ใจสงบอยู่ ให้ค่อย ๆ ยื่นมือไปช้า ๆ  มุ่งไปเกาหรือลูบใต้คางเบา ๆ ทีละน้อย โดยพูดคุยเบา ๆ กับหมาไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ทำวันละเล็กละน้อย เมื่อเห็นว่าหมาคุ้นเคย ไว้ใจ และสบายเมื่อเกาคาง ลูบคอแล้วให้ขยับขยายพื้นที่การสัมผัสไปยังส่วนอื่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสัมผัสได้ทั้งตัว
  • การใช้อาหารเป็นรางวัล เป็นอีกวิธีที่สามารถลดความกลัว สร้างความรู้สึกที่ดี โดยคุณหยิบยื่นขนมเป็นรางวัลให้แก่หมา เมื่ออยากกินก็จะเข้ามาคาบอาหารจากมือคุณ แล้วคุณค่อย ๆ ลูบหรือเกาที่ใต้คางก่อน ทำไปบ่อย ๆ ทุกวันร่วมกับวิธีอื่น ๆ
                จำไว้ว่าคุณต้องใช้ความอดทน มานะ อุตสาหะ ก็จะสร้างความไว้วางใจ ไร้ความหวาดระแวงไม่กลัวมืออีกต่อไปให้แก่หมาของคุณได้สำเร็จครับ  แต่จำไว้ว่าอย่าใช้มือลงโทษหรือกระทำรุนแรงกับหมาก็จะไม่ก่อปัญหาหมากลัวมือขึ้นมา
เคล็ด(ไม่ลับ)ช่วยในการฝึกหมา
                ข้อคิด เคล็ดลับ วิธีการ และอุปการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้ช่วยในการฝึกนิสัยหมาในบ้านของคุณ ซึ่งบางครั้งอาจนึกไม่ถึง แต่มันจะช่วยให้คุณฝึกหรือแก้นิสัยหมาแก่คุณได้ง่าย หรือประหยัดเวลามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ลองดูครับ
  • แผ่นดูดซับ หรือแผ่นซึมซับ  เป็นวัสดุคล้ายผ้าอ้อมเด็ก คือดูดซับสิ่งปฏิกูลได้เป็นอย่างดี แต่มีลักษณะเป็นแผ่นแบบสี่เหลี่ยมมีขนาดต่าง ๆ  คุณสามรถนำมาใช้เป็นที่ฝึกหัดให้ลูกหมาขับถ่ายเป็นที่เป็นทางได้ดีกว่ากระดาษหนังสือพิมพ์หรือผ้าขี้ริ้ว เนื่องจากมันดูดซับฉี่ได้อย่างหมดจด ไม่เฉอะแฉะ หรือเปียกชื้นจนหมาไม่อยากขึ้นไปใช้ ซ้ำยังสะดวกแก่คุณในการเก็บรวบรวมไปทิ้งอีกด้วย
  • กรงพลาสติก  หรือกรงที่ใช้เคลื่อนย้ายหรือเดินทางของหมา เป็นอุปกรณ์เหมาะสมในการฝึกหมา ให้รู้จักการรอคอยเวลาที่เหมาะสม  โดยเลือกขนาดที่เหมาะกับหมาตัวนั้น ๆ  โดยดูจากว่าเมื่อหมายืนแล้วหลังไม่ชน มันสามารถกลับตัว หมุนตัวในกรงได้สบาย คุณสามรถใช้วิธีฝึกให้หมารู้จักอยู่เป็นที่เป็นทาง เป็นสัดส่วน เป็นเวล่ำเวลา
  • จุดขับถ่ายในบ้าน หรือสุขาหมานั่นเอง แต่เป็นแบบใช้ในบ้าน ซึ่งสามารทำขึ้นจากการใช้ถาดหรือกระบะพลาสติกที่มีขอบเตี้ย ๆ  ปูด้วยแผ่นรองซับปฏิกูล จัดวางไว้ให้หมาได้ใช้ในบ้านเมื่อยามที่คุณต้องขังเขาไว้ในตัวบ้านทั้งวันโดยไม่มีใครพาออกไปขับถ่ายข้างนอก เขาจะไม่ปล่อยเรี่ยราดในที่อื่นไงครับ
  • ชนวนอึ   ฟังดูแปลกนะครับแต่ไม่แปลกเลย ถ้าลองนึกดูว่าคุณใช้แท่งสวนในก้นให้ลูกน้อยของคุณเพื่อกระตุ้นให้อึออกมา เราสามารถทำแท่งสวนนี้มาเป็นตัวชนวนกระตุ้นหมาที่มิได้ฝึกให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมาโต เพื่อมิให้มันขับถ่ายเลอะเทอะในตัวบ้าน  หลักการคือ เมื่อเราสอดแท่งกระตุ้นอึนี้เข้าไปในก้นหมา ร่างกายหมาจะพยายามขับมันออกไปโดยการเบ่งอึออกมาด้วย ฉะนั้นการฝึกทำโดยเมื่อสอดชนวนอึแล้วสักพักคุณก็พาหมาตัวนั้นออกไปนอกบ้านตรงตำแหน่งที่คุณอยากให้เป็นสุขาหมา ให้เขาอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งสักพักมันจะอึออกมาเอง พออึเสร็จแล้วคุณควรพูดชมหมาพร้อมกับลูบไล้แสดงความชื่นชมว่ามันทำดีทำถูกต้อง ใช้วิธีนี้ไม่กี่ครั้งหมาย่อมรู้ว่า ต้องไปอึนอกบ้านตรงตำแหน่งนั้น ๆ
  • ผืนผ้าพลาสติก  เลือกแผ่นผืนผ้าที่เป็นพลาสติกผืนใหญ่ ๆ ที่เขาใช้ปูรอง ปกคลุมเฟอร์นิเจอร์ หรือพื้น เพื่อป้องกันสีหยดเลอะเทอะข้าวของเมื่อมีการทาสีในห้อง เรานำมาใช้ในกรณีที่หมามีปัญหาขับถ่ายไม่เป็นที่เป็นทาง หรือขับถ่ายเลอะเทอะทั่วไปในบ้าน เมื่อเจ้าของไม่อยู่ เรานำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขนิสัยหรือพฤติกรรมขับถ่ายประชดหรือแกล้งเจ้าของบ้าน เป็นการประท้วงเมื่อมันถูกกักขังหรือทิ้งไว้ในบ้านโดยไม่มีใครดูแล ให้ใช้ผ้าพลาสติกคลุมบนที่นั่ง โซฟา หรือพื้นที่หมามักขึ้นไปขับถ่าย พร้อมกับจัดหาพื้นที่เหมาะสม เช่น ปูพื้นด้วยแผ่นดูดซับให้เป็นที่ขับถ่ายซึ่งเหมาะสมและน่าขับถ่ายกว่าบนแผ่นผ้าพลาสติกที่เมื่อเหยียบก็ลื่น มีเสียงกรอบแกรบ ไม่สบายตีน ไม่สบายตัว
  • ตารางเวลา  การฝึกหมาแก้นิสัยหมา ต้องพึ่งการฝึกปฏิบัติบทเรียนที่กระทำซ้ำย้ำไปมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ต้องเที่ยงตรง หมาจึงจะจดจำเพราะรู้ว่า หวังว่า จะได้อะไร?  ทำอะไร?  จากใคร? และเมื่อไร?  ดังนั้นคุณต้องทำตารางเวลาเพื่อปฏิบัติตามนั้นอย่างเคร่งครัดไม่คลาดเคลื่อน
ที่มา  :  Your Pet

3 ลูกเล่น ฝึกโกลเด้น ให้แสนรู้





                        ลูกเล่นที่ 1. ฝึกให้เก็บของประลองความเร็ว
                        สำหรับสุนัขโกลเด้นฯ การวิ่งไปคาบลูกบอล  หรือวิ่งไปเก็บของกลับมา  สามารถทำการฝึกได้ง่าย  และมีแนวโน้มในการเรียนรู้ที่ดีกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ วิธีการฝึกก็ไม่ยากค่ะโดยเมื่อเริ่มการฝึกให้คุณเตรียมของเล่นทีสุนัขชอบมากที่สุดเอาไว้  จากนั้นขยับไปมาที่บริเวณใบหน้าของสุนัข  และสังเกตดูว่าสุนัขอยากได้ของเล่นนั้นอย่างมากแล้ว  และกำลังใจจดใจจ่อกับของเล่นชิ้นนั้นอยู่ก็ให้คุณโยนของไปที่ด้านหน้า   แล้วออกคำสั่ง ไปคาบมา หรือ เก็บมา เมื่อสุนัขไปเก็บของกลับมา  แล้วให้คุณกล่าวชมมากๆ และทำซ้ำอีก 3-4 ครั้ง

                        ลูกเล่นที่ 2. คาบตะกร้า หาผู้ช่วยถือของคนใหม่
การฝึกให้โกลเด้นฯ คาบของเอาไว้เป็นเวลานานๆ นั้น  คุณเริ่มจากการฝึกให้สุนัขรู้จักเก็บของ  หรือคาบของในช่วงระยะเวลาสั้นๆ  ให้ได้เสียก่อน  เรียกว่าต้องฝึกลูกเล่นที่ 1  ให้ผ่านซะก่อนนั่นเอง  และเมื่อโกลเด้นฯ ของคุณสามารถทำได้แล้ว คราวนี้ให้คุณเตรียมตะกร้าใบเล็กๆ เอาไว้  หยิบออก มาโชว์ให้โกลเด้นฯ เห็น  จากนั้นทำทีว่ามันเป็นตะกร้าวิเศษที่คุณหวงนักหวงหนา  ไม่อาจให้ใครได้ง่ายๆ สรุปว่าให้คุณยั่ว  และหลอกล่อนั่นแหละค่ะ  ถ้าหากสุนัขของคุณตื่นเต้น  กระตือรือร้น  สนใจมองอย่างไม่วางตา  คุณก็ควรยอมใจอ่อนให้คาบสักครั้ง  ตอนนี้แหละให้ออกคำสั่ง  คาบไว้ แล้วชมมากๆ ทำซ้ำ อีก 2-3 ครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขนาดของตะกร้าให้ใหญ่ขึ้น และทำตามการฝึกตามขั้นตอนเดิม  ในอีกไม่นานคุณ ก็จะได้ผู้ช่วยถือของตัวใหม่  ที่น่ารักสุดๆ อย่างแน่นอน

                        ลูกเล่นที่ 3.  รับของกลางอากาศความสามารถเฉพาะตัวห้ามเลียนแบบ

         การฝึกให้สุนัขรับของกลางอากาศนี้เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นของการฝึก   ที่สามารถสร้างความสนุกได้ทั้ง  ตัวสุนัข  เจ้าของและผู้ที่ชมการฝึกทริคนี้  คุณและเจ้าโกลเด้นฯ จะต้องมีสมาธิ  และใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งของที่จะต้องโยนออกไป  โดยให้คุณเตรียมบิสกิต  หรือของขบเคี้ยว  ขนาดพอดีคำ  ยื่นให้สุนัขดู  และดมหากเขามองตามแบบตาไม่กระพริบ  คุณจึงค่อยๆ โยนขึ้นไปบนอากาศ (อย่าสูงมากนัก) เล็งว่าใกล้กับปากของเจ้าโกลเด้นฯ พอดีแล้วออกคำสั่ง  งับ” หรือ รับหากโกลเด้นฯ ของคุณรับได้ก็ให้กล่าวชมมากๆ และทำซ้ำอีกหลายๆ ครั้งจากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มความสูงให้มากขึ้น
        หากสามารถฝึกลูกเล่นทั้งหมดนี้ให้กับโกลเด้นฯ ของคุณได้  รับรองเลยว่าโกลเด้นฯ  ของคุณจะน่ารัก และมีเสน่ห์  ไม่แพ้ใครเลยล่ะคะ

ที่มา: นิตยสารสื่อรักสัตว์เลี้ยง

10 อันดับน้องหมาสุดฮิต



1.ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian)สุนัขในกลุ่ม Toy Group
ปอมเมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้

ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง

นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อนข้างลำบาก ให้ลูกน้อย
ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป  
2. โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)สุนัขในกลุ่ม Sporting Group

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก 60-70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็นสุนัขที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา

นอกจากความสวยของขนที่มันวาว สวยงาม ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมาก โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ยังได้รับสมญานามว่า "หมาใจดี" บ่อยครั้งที่ภาพความผูกพันระหว่างเจ้าตูบโกลเด้น กับเด็กๆ มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะมีลักษณะนิสัยเป็นมิตร และสุภาพเป็นเลิศ ใจดี ซื่อสัตย์ มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ง่ายต่อการฝึกฝน กระฉับกระเฉง และคาบสิ่งของได้ดี ในอดีตจึงมักใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เคยเป็นสุนัขยอดนิยม มีผู้เข้าขอจดทะเบียนมากเป็นอันดับ 1 ในปีก่อน แต่ปีล่าสุดนี้กลับถูกสุนัขพันธุ์เล็กแซงหน้าไปเสียแล้ว

ราคาจำหน่ายปัจจุบัน สุนัขระดับประกวด ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป สุนัขเลี้ยงเล่น 6,000 - 15,000 บาท ระดับทั่วไป หรือสุนัขบ้าน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท
  
3. ชิสุ (Shih Tsu)
สุนัขในกลุ่ม Toy Group

ชิสุ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ได้ชื่อว่า "สุนัขพันธุ์ราชสีห์" เพราะมีขนแผงคอเหมือนสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือเคลื่อนไหวที่สง่างาม เดินตรงเชิดหน้าคอเหยียดและมีพวงหางขนยาวจะปกคลุมลงบนหลังชัดเจน ในอดีตจึงเป็นสุนัขที่เลี้ยงกันในราชสำนักของจักรพรรดิ นับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน เป็นสุนัขที่มีชนชั้น

ชิสุ เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน 18 ปอนด์ สูงประมาณ 9 -10.5 นิ้ว รูปร่างเล็กแต่มีขนยาว เป็นขนสองชั้น หนา ยาวตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยปกคลุมลำตัว ขนบนหัวควรผูกรวบให้เรียบร้อย ป้องกันดวงตา ขนที่ก้นและเท้าต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

ลักษณะของชิสุที่ดี ควรมีลักษณะขนยาว ไม่ม้วนหยิก สีของขนเป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น ส่วนกะโหลกกว้างอย่างสมดุล ตากลมโต นัยน์ตาสีดำ หรือจะเป็นสีน้ำตาลสีตับ แววตาร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตรต่อทุกสิ่ง ส่วนปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก ปากไม่แหลม คางไม่ยื่น คอควรตั้งตรงยาวได้-->-->ส่วนกับลำตัว ลักษณะลำตัวของชิสุต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย อกใหญ่ ลึก หางจะต้องโค้งตั้งขึ้นมาบนหลัง ไม่ห้อยลง มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม

แม้ ชิสุ จะเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ก็ได้ชื่อว่า "เล็กแต่อึด" หากมีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนสูง มีความแข็งแรงดุจสุนัขใช้งาน แต่ข้อดีของสุนัขพันธุ์ชิสุที่สร้างเสน่ห์อย่างดีก็คือ ฉลาด เป็นมิตร มีเสน่ห์ ไม่ดุร้าย ไม่เจ้าอารมณ์ เหมาะสมกับบ้านทุกชนิด

จากสิถิติที่ผ่านมา ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุอาจเพราะปัจจุบันผู้นิยมเลี้ยงสุนัขมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปด้วย และด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายกว่า ชิสุจึงมาแรงแซงสุนัขพันธุ์เล็กพันธุ์อื่น รวมถึงลักษณะขนและหน้าตาสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบแต่งตัวให้สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา

ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 3,500-15,000 บาท ทั่วไป เริ่มต้นที่ 2,500 บาท
5.ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)จัดอยู่ในกลุ่ม Working Group

สุนัขลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว

ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก

จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง

ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป

6. ร็อตต์ไวเลอร์ (Rottweller)
สุนัขในกลุ่ม Working Group

สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีสีดำ มีแต้มด่างสีน้ำตาลเด่นชัด บริเวณขอบตา ปาก หน้าอก ขาท่อนล่าง และใต้ฐานของหาง ขนสั้น เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ดูสมส่วน ใบหูปรก นิยมตัดหางให้สั้น

สุนัขพันธุ์ร็อตต์ไวเลอร์ ที่ตกเป็นข่าวบ่อยครั้งด้วยความดุร้าย ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่มาจากสัญชาตญาณสัตว์ที่ต้องเอาตัวรอดตั้งแต่อดีต มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะสุนัขนักล่าและสุนัขเฝ้ายาม แต่ร็อตต์ไวเลอร์ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่มีความฉลาด ชอบการสัมผัสอย่างทะนุถนอม และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับการฝึกฝนที่ดี จะเป็นสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่ง ใจเย็น เป็นทั้งเพื่อนและยามที่ดีของครอบครัว

ด้วยลักษณะภายนอก ความแข็งแรง ความฉลาดของสุนัขพันธุ์นี้ เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงปศุสัตว์ เพราะมีพื้นที่ให้สุนัขออกกำลังกายได้มากกว่า แต่ก่อนเลือกซื้อ ผู้เลี้ยงควรตัดสินใจให้รอบคอบก่อนว่าเหมาะกับตนหรือไม่ ศึกษาสายพันธุ์ที่ดีเพราะอาจกลายเป็นสุนัขที่ก้าวร้าวเกินควบคุม

ราคาจำหน่ายลูกสุนัข ระดับประกวด 10,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 4,000-10,000 บาท
7.บูลล์ด็อก (Bulldog)สุนัขในกลุ่ม Non - Sporting Group

เห็นรูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัวซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง

บูลล์ด็อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ ลักษณะเด่นคือหัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ

ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้น

 8. ยอร์กไชร์เทอร์เรีย(Yorkshire Terrier)สุนัขในกลุ่ม Toy Group

สุนัขตัวน้อย ขนยาว เส้นบาง มันวาวสลวย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นสุนัขสวยงามมาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตชีวา รักเจ้าของ ขี้ประจบ สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสังคมเล็กๆ เช่นในอพาร์ตเม้นต์ได้ดี

ลักษณะทั่วไป สี มี 2 สีบนตัว สีน้ำตาลทองจะมีอยู่บนใบหน้า อก ท้อง และบริเวณปลายเท้า เส้นขนจะมีสีดำน้ำเงินที่โคนไล่ลงมาถึงตอนกลาง และจะมีสีน้ำตาลทองที่ส่วนปลายหัว ขนข้างจะมีขนาดเล็ก และเรียบไม่นูนกลม ปากแหลมยาวสมส่วน จมูกจะมีสีดำสนิท หูตั้งเป็นรูปตัววี มีขนสั้นๆ สีทองปกคลุม ขนยาวตรงปกคลุมทั้งตัว เท้าค่อนข้างกลมมีเล็บเท้าสีดำ ขาหน้าจะเหยียดตรง ขาหลังมองจากด้านข้างจะโค้งลงที่เข่าเล็กน้อย หางตัดสั้น

สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษ เป็นสุนัขที่ให้ลูกยาก

ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000 - 20,000 บาท มากกว่านั้นเป็นสุนัขในระดับประกวด

  9.บีเกิ้ล (Beagle)สุนัขในกลุ่ม Hound Group

สุนัขล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์

บีเกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม

แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า

ลักษณะทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง

ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น ประมาณ 10,000-15,000 บาท
 
 10. ชิ วา วา (พันธุ์ขนเรียบ),(Chihuahua smooth coat)สุนัขในกลุ่ม Toy Group

ยังคงครองอันดับ 10 อย่างอยู่ตัว ตั้งแต่ ปี 2545 เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนาดพกพา ตาโต ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก อดีตเป็นสัตว์ที่เป็นอาหารและถูกบูชายัญ มีสองสายพันธุ์คือ พันธุ์ขนเรียบและพันธุ์ขนยาว

ชิ วา วา มีความสูงไม่เกิน 5 นิ้ว มีน้ำหนักเฉลี่ย 0.9 - 2.7 กิโลกรัม จัดว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลก มีทั้งสีขาว สีน้ำตาลอ่อน สีทราย สีดำ อาจมีสีเดียวอย่างแดงน้ำตาล ทอง หรือสลับขาวน้ำตาล หัว หน้าผากต้องกลมโค้งเป็นรูปแอปเปิ้ล หูตั้ง ปากสั้นแหลม ขนสั้น ถ้าเป็นพันธุ์ขนยาวจะไม่หยิกม้วน

สุนัขพันธุ์นี้หลายคนต่างหลงใหลเพราะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ ขี้ประจบ เป็นสุนัขเฝ้าระวัง เตือนภัยได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ไม่ชอบอากาศเย็น

ราคาจำหน่าย ทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,000-10,000 บาท ระดับประกวด ราคา 10,000 บาท ขึ้นไป

10 เหตุผลที่คนไม่ควรจะเลี้ยงโกเด้น


10 เหตุผลที่คุณไม่ควรคิดจะเลี้ยงโกลเด้น


10 อันดับเหตุผลที่คุณไม่ควรคิดจะเลี้ยงหมาพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์

1)     คุณกำลังมองหาหมาที่เลี้ยงไว้นอกบ้าน เจ้าโกลเดนนั้นเป็นหมาที่รักและชอบอยู่ใกล้ชิดกับคนเป็นชีวิตจิตใจมากกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ หากปล่อยให้อยู่ตัวเดียวโดยไม่ได้เล่นกับคุณเจ้าโกลเดนนี่จะหยอยเหงาไร้ความสุขเป็นที่สุด และหากคุณลืมไม่มีเวลาให้โดยกักบริเวณให้อยู่หลังบ้านตลอดเวลาก็จะทำให้มีนิสัยเปลี่ยนแปลงได้ จากหมาที่น่ารัก ร่าเริง ขี้เล่น รักสนุก กลายเป็นหมาเซื่องซึมหรืออาจก้าวร้าวทำลายข้าวของ ชอบเห่าโดยไร้เหตุผลได้ โกลเดนนั้นเหมือนเด็กหากให้ความรักความอบอุ่นและเอาใจใส่ดูแลอย่างดีและเหมาะสม ก็จะเติบโตเป็นหมาที่มีสุขภาพดีทั้งกายและใจมีความสุขทั้งตัวมันเองและเจ้าของ ยิ่งกว่านั้นก็จะมีนิสัยรักเด็กและเข้ากับสัตว์อื่นๆได้ดี ถ้าคุณไม่ได้ต้องการหมาสำหรับครอบครัว โกลเดนก็ไม่ใช่หมาสำหรับคุณ
2)  คุณไม่ชอบหมาที่มีขนยาว โกลเดนนั้นผลัดขนซึ่งและจะมีขนหลุดร่วงมากเกือบตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีขนติดเสื้อผ้าคุณอยู่ตลอดเวลา ขนของโกลเดนต้องการการบำรุงรักษาโดยการอาบน้ำและแปรงขนอย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง และขณะอาบน้ำและแปรงขนจะเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุดของเจ้าโกลเดนและตัวคุณเอง หากคุณไม่มีเวลาและไม่ชอบอาบน้ำให้หมา โกลเดนก็ไม่เหมาะสำหรับคุณ
3)  คุณเป็นคนเจ้าระเบียบและไม่มีอารมณ์ขบขัน โกลเดนจะซนและฝากรอยจมูกบนหน้าต่างทุกบานของบ้าน ทิ้งรอยขาเปื้อนโคลนไว้บนพื้นบ้าน ฝากความรักเป็นรอยเท้าและคราบน้ำลายบนเสื้อผ้าแสนสวยของคุณ อย่าลืมว่าโกลเดน รีทริฟเวอร์ ในภาษาลาตินแปลว่าเอาใส่ในปากและกระโดดโลดเต้นไปมา และนำของกลับมาเป็นสัญชาตญาณ บางครั้งก็จะปีนหรือคาบของของคุณจากในบ้านไปทิ้งไว้นอกบ้าน คงต้องทำใจมีความสุขกับความซนของเจ้าโกลเดน
4) คุณชอบที่จะอยู่เฉยๆนอนดู TV และหวังว่าเจ้าหมาจะทำเหมือนคุณ เจ้าโกลเดนเป็นหมาสปอร์ตติ้ง ด๊อก เป็นหมาเพื่อเกมส์กีฬาล่าสัตว์ ดังนั้นจึงต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุณจึงต้องเป็นคนไม่มีนิสัยขี้รำคาญ ควรต้องมีความกระตือรือล้น กระฉับกระเฉง ชอบออกกำลังกายหรืออาจชอบว่ายน้ำด้วยเพราะโกลเดนชอบการเล่นน้ำเป็นชีวิตจิตใจ
5)  คุณต้องเดินทางบ่อยหรือไม่มีเวลาให้ หากคุณจำเป็นต้องเดินทาง ไม่สามารถนำหมาไปได้และต้องฝากเจ้าโกลเดนไว้กับคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคยให้ดูแลแทนบ่อยๆ ก็ควรคิดก่อนว่าคุณสมควรจะเลี้ยงโกลเดนตั้วแต่แรกหรือไม่ เพราะโกลเดนสามารถจำเจ้าของได้เป็นอย่างดี จะเฝ้ารออย่างจดจ่อกับการกลับมาของคุณและคุณเองก็จะรู้สึกผิดกับการที่ต้องทิ้งไว้ให้คนอื่นรับผิดชอบแทน
6) คุณไม่ต้องการพบปะกับคนอื่นๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะจูงเจ้าโกลเดนทีเป็นมิตรและมีขนที่สวยงามไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนที่ไม่รู้จักเข้ามาหยุดทักทายกับหมาตัวโปรดของคุณแล้วถามคำถามพูดคุยกับคุณ บางทีหมาเฝ้าบ้านพันธุ์อื่นๆอาจเหมาะสมกว่า
7) คุณต้องการหมาเฝ้าบ้าน โกลเดนจะเป็นมิตรกับทุกคนแม้แต่คนแปลกหน้า อาจจะเห่าเตือน แต่ก็จะเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้านแม้แต่กับคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคย
8) คุณต้องการเพาะพันธุ์หมาขาย มีโกลเดนจำนวนมากมายที่ถูกเพาะขึ้นมาขายเพื่อที่มุ่งหวังเพียงเพื่อหาเงินจากความเข้าใจผิดว่าสามารถหาเงินได้ง่ายๆ ในความเป็นจริงไม่มีผู้เพาะสมัครเล่นคนใดเลยที่มีกำไรจากการเพาะโกลเดนขาย เนื่องจากค่าเลี้ยงดูอย่างถูกต้องของหมาใหญ่ที่สูง นอกจากนั้นยังมีค่าวัคซีนและค่ารักษาพยาบาลลูกหมาที่เกิดใหม่อีก จึงทำให้โกลเดนที่ถูกปล่อยปะละเลยไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างที่ถูกที่ควรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  
9) คุณไม่มีสถานที่เพียงพอ โกลเดนเป็นหมาขนาดค่อนข้างใหญ่ จะสูงประมาณ 21-24 นิ้ว หนักประมาณ 29-34 กก จึงควรเลี้ยงไว้ในบ้านที่มีบริเวณบ้านหรือสนามหญ้า ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงในอพาร์ทเมนต์หรือคอนโดมิเนียมหากจำเป็นต้องเลี้ยงในที่นี้ ควรต้องมีสถานที่ข้างนอกที่จะพาไปเดินเล่นทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายทุกวัน
10) คุณไม่สามารถดูแลได้ตลอดอายุ 10-15 ปีของโกลเดน คุณมีข้อผูกมัดกับโกลเดนของคุณไปตลอดช่วงอายุไขของเค้า ต้องมีการให้ทั้งเวลาและการเอาใจใส่ดูแลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีค่าเลี้ยงดู ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาลและค่าฉีดวัคซีน อีกทั้งต้องเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ วันนึงก็ต้องจากเราไปตามธรรมชาติที่ไม่มีอะไรอยู่ยั่งยืนได้ตลอดไป

การให้วัคซีนกับน้องหมา

การให้วัคซีนสุนัข
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงที่ลูกสุนัขมีระดับภูมิคุ้มกันจากแม่ลดต่ำลงจนระดับภูมิคุ้มกันเดิมในร่างกาย ไม่สามารถไปรบกวนการทำงานของ วัคซีน ภูมิคุ้มกันจากแม่จะป้องกันโรคได้เพียงประมาณ 6-8 สัปดาห์ หลังจากนั้นระดับภูมิคุ้มกันจะค่อยๆลดต่ำลง ซึ่งลูกสุนัขอาจได้รับเชื้อโรคและป่วยเป็นโครได้ แต่ถ้าฉีดวัคซีนเร็วเกินไประดับภูมิคุ้มกนที่ยังมีอยู่ในลูกสุนัขจะต้านกับเชื้อในวัคซีนและไม่เกิดภูมิคุ้มกันขึ้น เราจึงควรให้ลูกสุนัขได้รับการฉีดวัคซีนเมื่ออายุประมาณ 2 เดือน
โปรแกรมการฉีดวัคซีนในสุนัข

อายุ
ฉีดวัคซีน
หมายเหตุ
6 สัปดาห์
โรคไข้หัดสุนัข
หรือลำไส้อักเสบติดต่อ
- ฉีดในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงเช่น แม่สุนัขไม่เคยฉีดวัคซีน หรือมีการระบาดของโรค
- ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ 1
8 สัปดาห์
รวมโรคไข้หัดสุนัข เลปโตสไปโรซิส ตับ-อักเสบติดต่อ และลำไส้อักเสบติดต่อ
-
10 สัปดาห์
รวมโรคไข้หัดสุนัข เลปโตสไปโรซิส ตับ-อักเสบติดต่อ และลำไส้อักเสบติดต่อ
-
12 สัปดาห์
โรคพิษสุนัขบ้า- ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงให้ทำก่อน 12 สัปดาห์แล้วทำซ้ำเมื่ออายุ 12 สัปดาห์
- ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ 2
16 สัปดาห์
โรคลำไส้อักเสบติดต่อ- ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ 3
6 เดือน
โรคพิษสุนัขบ้า
-

หลังจากนี้ให้ฉีดวัคซีนทุกโรคซ้ำปีละ 1 ครั้ง และทำการถ่ายพยาธิทุก 3-6 เดือน

สร้างความสะเทือนใจให้กับคนรักสุนัข



14 ส.ค. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ตำรวจนครพนมได้สกัดจับขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติของไทย ขณะนำสุนัขจำนวนเกือบ 2 พันตัว ลงท่าเรือไปที่ลาวก่อนที่จะส่งไปที่เวียดนาม เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดสำนักข่าวเดลี่เมล์ของอังกฤษได้ตีข่าวดังกล่าวไปทั่วโลก โดยระบุว่า สุนัขนับพันเหล่านี้กำลังถูกส่งไปยังเวียดนาม ก่อนที่ตำรวจจังหวัดนครพนมจะเข้าปฎิบัติการบุกจับกุมได้ถึงสองครั้ง
โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นครพนมยืนยันว่า สุนัขจำนวน 1,011 ขณะนี้ได้รับการดูแลในสถานที่พักพิงของราชการแล้ว แต่มีสุนัขจำนวน 119 ต้องเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากกรงขังอัดแน่นด้วยสุนัขเหล่านั้นนั่นเอง
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาลักลอบนำสุนัขออกนอกประเทศ และขนส่งสัตว์อย่างผิดกฎหมาย ให้ชาวไทย 2 ราย และชาวเวียดนาม 1 ราย และหากถูกตัดสินว่าผิดจริง จะต้องเผชิญโทษจำคุก 1 ปี และปรับเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท เท่านั้น
Photo / ครอบครัวข่าว 3

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

8 อันดับโรคของสุนัข


8 อันดับโรคของสุนัข
1.โรคไข้หัด
   โรคนี้เกิด จากเชื้อไวรัส มักเกิดกับลูกสุนัขอายุน้อย ๆ ตั้งแต่ 2-3 เดือน บางครั้งก็พบว่าเกิดใน สุนัขที่โตแล้วเมื่อสุนัขเป็นโรคนี้โอกาสที่จะหาย นั้น มีน้อยมาก โดยอาการของมันก็แสดงออกมาทางอาการประสาท ตัวกระตุก หรือชักตลอดชีวิตส่วนใหญ่แล้วตาย อย่างทรมาน อาการของโรค เราสามารถสังเกตได้จากการที่สุนัขมีน้ำมูกสีเขียวไหลย้อย ดูเหมือน ปอดบวม มีไข้ เบื่ออาหาร ซึมมีตุ่มหนองขึ้นที่ใต้ท้อง มีขี้ตาสีเขียวๆเกอะกรังตลอดเวลาเมื่ออาการทวีความรุนแรงขึ้นจะพบว่ามีอาการทางประสาท คือปากสั่น กระตุก และลามไปที่บริเวณหนังหัว ใบหน้า ขาหลัง อาจจะพบบริเวณฝ่าเท้า กระด้างขึ้น บางรายพบว่ามีท้องร่วงร่วม เราสามารถป้องกันได้โดยฉีดวัคซีน ป้องกันโรคไข้หัดได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุ 2 เดือน เป็นเข็ม แรกหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ก็พาไปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง เป็นการ กระตุ้นภูมิคุ้มกันและฉีดซ้ำทุก ๆ ปี ปีละ 1 ครั้ง

 
2.โรคปอดบวม   โรคนี้จะพบมากในสุนัขเล็ก ๆ และสุนัขที่มีอายุมากแล้วเนื่องจากว่า สุนัขในวัยดังกล่าวมีภูมิคุ้มกันที่น้อยอยู่โรคนี้เกิดจากหลายสาเหตุได้แก่เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย พยาธิทำลาย ปอด ทำให้ปอดอักเสบ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สุนัขจะมีอาการซึม มีไข้สูงมาก อาจถึง 106 องศาฟาเรนไฮต์เบื่ออาหาร จนถึงไม่กินอาหาร ชอบหลบไปนอนในที่เย็น ๆ เช่น ห้องน้ำ ข้างโอ่งหายใจกระหืดกระหอบ มีขี้มูกไหลออกมามีสีขาวจนถึงสีเขียวข้น บางครั้งมี อาเจียน ไอ มีเสลดหนาในลำคอบางตัวเป็นมาก ๆน้ำท่วมปอดต้องนั่งตลอดเวลานอนไม่ได้ หายใจไม่ออกบางครั้งต้องหายใจทางปากเนื่องจากจมูกอุดตันไปด้วยน้ำมูก ข้อควรปฏิบัติคือ รักษาความสะอาด ให้ความอบอุ่น โดยเฉพาะที่คอ หน้าอก และหลัง ปูรองพื้นที่นอนด้วยผ้า อย่าให้นอนในที่เย็นหรืออับชื้นหรือโดนฝนสาด และนำสุนัข ไปพบสัตว์แพทย์เพื่อรักษา


3.โรคพาร์โวไวรัส หรือลำไส้อักเสบ
  โรคพาโวไวรัสหรือลำไส้อักเสบเป็นโรคที่มีการระบาดทั่วโลก สามารถเกิดการ ระบาดได้ง่ายรวดเร็วและรุนแรง สุนัขจะตายเนื่องจากเกิด ท้องร่วงอย่างรุนแรง อาเจียนไม่กินอาหาร มีไข้ สูง ร่างกายสูญเสียน้ำมาก ทำให้ตายอย่างรวดเร็วโรคนี้พบมาในสุนัขอายุ 2-6 เดือน หลังจากได้รับเชื้อโรคไปแล้วประมาณ5-7 วัน สุนัขจะไม่กินอาหาร มีไข้สูง ๆ ต่ำๆ แสดงอาการอาเจียนบ่อย ต่อมาไข้ขึ้นสูง นอนซึม หมดแรงเพราะอาเจียนอย่างมาก เริ่มมีอาการท้องร่วง ถ่ายออกมาเป็นน้ำเหลวสีโอวัลตินหรือสีแดง มีเลือดปนออกมามีกลิ่นเหม็นคาวมาก ไวรัสจะ เข้าไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ช็อคตายได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติโรคนี้ไม่มียารักษาโดยตรง เพียงแต่รักษาตามอาการที่พบเท่านั้น ทางที่ดีควรหา ทางป้องกันจะดีกว่า โดยการฉีดวัคซีนตั้งแต่ลูกสุนัขอายุได้ 2 เดือน และกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยฉีดวัคซีนอีกครั้งเมื่ออายุได้ 3 เดือน หลังจากนั้นก็ฉีดกระตุ้นทุกปี ปีละ1 ครั้ง



4.โรคหัด หรือ ดิสเทมเปอร์  โรคไข้หัด หรือดิสเทมเปอร์ เป็นโรคที่ฮิตติดอันดับสำหรับโรคสุนัขโรค หนึ่ง โรคนี้เกิด จากเชื้อไวรัส มักเกิดกับลูกสุนัขอายุน้อย ๆ ตั้งแต่ 2-3 เดือน บางครั้งก็พบว่าเกิดใน สุนัขที่โตแล้วเมื่อสุนัขเป็นโรคนี้โอกาสที่จะหาย นั้น มีน้อยมาก โดยอาการของมันก็แสดงออกมาทางอาการประสาท ตัวกระตุก หรือชักตลอดชีวิตส่วนใหญ่แล้วตาย อย่างทรมาน อาการของโรค เราสามารถสังเกตได้จากการที่สุนัขมีน้ำมูกสีเขียวไหลย้อย ดูเหมือน ปอดบวม มีไข้ เบื่ออาหาร ซึมมีตุ่มหนองขึ้นที่ใต้ท้อง มีขี้ตาสีเขียวๆเกอะกรังตลอดเวลาเมื่ออาการทวีความรุนแรงขึ้นจะพบว่ามีอาการทางประสาท คือปากสั่น กระตุก และลามไปที่บริเวณหนังหัว ใบหน้า ขาหลัง อาจจะพบบริเวณฝ่าเท้า กระด้างขึ้น บางรายพบว่ามีท้องร่วงร่วม เราสามารถป้องกันได้โดยฉีดวัคซีน ป้องกันโรคไข้หัดได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุ 2 เดือน เป็นเข็ม แรกหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ก็พาไปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง เป็นการ กระตุ้นภูมิคุ้มกันและฉีดซ้ำทุก ๆ ปี ปีละ 1 ครั้ง 


5.โรคพิษสุนัขบ้า 
-เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ เรบี้ส์ (Rabies) ไวรัสชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ในระบบประสาทมากที่สุด มันจะทำให้สุนัขมีอาการทางประสาท ทำให้เราเรียกว่าบ้า นอกจากสุนัขแล้ว เชื้อไวรัสนี้ยังสามารถติดต่อคน และสัตว์อื่นได้ ถ้าโดนสุนัขที่มีเชื้อกัด อาการสุนัขนี้แบ่ง ออกได้เป็น 2 แบบ คือ/ แบบดุร้าย และ แบบซึม
-อาการซึมของสุนัขจะไม่แสดงอาการดุร้ายออกมานอกจากเราพยายาม จะจับหรือเข้า ใกล้ มันอาจจะขู่หรือกัดได้ สุนัขจะหลบซ่อนตามซอกมุมหรือ ไม่ออกมากินน้ำ อาหาร ลิ้นจะห้อยออกมา น้ำลายไหลตลอดเวลา
-ส่วนอาการแบบดุร้าย สามารถแบ่งออกได้ 3 ระยะ ระยะเริ่มแรกอารมณ์และอุปนิสัยของสุนัขเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีอารมณ์ หงุดหงิดอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย รูม่านตาจะขยายมากกว่าปกติ อาการเริ่มแรก จะแสดงอาการประมาณ 2-3 วัน จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 2หรือระยะตื่นเต้นเป็นระยะที่แสดงอาการกระวน กระวาย ระบบประสาทตอบสนองอย่างฉับไวและรุนแรงต่อเสียงหรือสิ่งกระตุ้น ต่อมามันจะเริ่มกระวนกระวาย กัดสิ่งที่อยู่รอบตัว บางครั้งรุนแรงจนเลือดออก แล้วเริ่มวิ่งอย่างไร้จุดหมาย แสดงอาการบ้าอย่างชัดเจน เสียงเห่าหอนผิดปกติ เนื่องจากการเกิดเกิดอัมพาตของ กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคี้ยวและการกลืน ต่อมาอาการอัมพาตจะขยายและเป็นทั้งตัว และตายไปในที่สุด โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้เราต้องป้องกันล่วงหน้า โดยการฉีดวัคซีนเมื่อสุนัขอายุ 3เดือนขึ้นไป และฉีดซ้ำทุก ๆ ปี ถ้าเป็นสุนัขที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน หากนำไปฉีดแล้ว ต้องฉีดซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 3 เดือน จากนั้นก็ฉีดซ้ำทุก ๆ ปี 


6.โรคเห็บหมัดสุนัข 
 อากาศในบ้านเราเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเห็บและหมัด เห็บที่อยู่ตามตัว สุนัขสามารถ ไข่ได้ครั้งละหลายพันฟองตามพื้นดิน หรือตามซอกต่าง ๆ เห็บมีอยู่ 2 ประเภท
1.พวกตัวแบนสีน้ำตาล
2.ตัวโตบวมคล้ายลูกเกตุ
  ทั้งคู่เป็นชนิดเดียวกัน เพียงแต่พวกแรกเป็นตัวผู้ พวกที่สอง เป็นตัวเมียในตัวเมียจะมีไข่หมัดอยู่เต็ม ต้องห้ามบีบเนื่องจากจะเป็นการทำให้ไข่หมัด แพร่กระจายให้นำหมัดและเห็บแช่ในน้ำมัน จะทำให้มันตาย สุนัขบางตัวจะมีการแพ้น้ำลายเห็บ,หมัดทำให้มีการแพ้ที่ผิวหนังและเห็บ, หมัดยังเป็นพาหะ นำโรคพยาธิในเม็ดเลือดมาแพร่ได้เราจะสามารถพบหมัดได้มากบริเวณ ลำคอ,หู,ง่ามนิ้วเท้า.ไหล่ หน้าอก การป้องกันเห็บ,หมัดทำได้โดยอาศัยยาฆ่าเห็บที่มีขายทั่วไป โดยให้ใส่ที่ตัวสุนัข และบริเวณ ที่สงสัยว่าจะเป็นที่วางไข่และยังมีอุปกรณ์ป้องกันเช่น ปลอกคอกันหมัดและแชมพูอาบน้ำสุนัขก็ ยังสามารถฆ่าเห็บและหมัดได้ด้วย


7.พยาธิไส้เดือน
พยาธิไส้เดือนหรือที่เรียกกันว่า พยาธิตัวกลมนั้นอาศัยอยู่ในลำไส้สุนัข ขนาด ยาวประมาณ 2-3 นิ้วเราจะพบมากในลูกสุนัข คอยแย่งอาหารที่ได้รับการย่อยแล้ว ทำให้สุนัขไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ สุนัขจะดูท้องโตเหมือนกินอิ่ม บางครั้งพยาธิก็มีมากจนตันลำไส้ทำให้ สุนัขตาย การติดต่อของพยาธิชนิดนี้สามารถติดต่อได้โดยสุนัขกินไข่พยาธิเข้าไป หรือ ถูกชอนไชผ่านทางผิวหนัง พยาธิสามารถติดต่อสู่ลูกสุนัขได้ทางกระแสเลือดของแม่ไปสู่ลูกหรือติดต่อผ่านทาง น้ำนมการป้องกันทำได้โดยถ่ายพยาธิก่อนการผมพันธุ์ และช่วงท้ายของการตั้งท้อง หลังจากลูก เกิดมาได้2-3 อาทิตย์ ก็ให้ถ่ายพยาธิ และถ่ายพยาธิทุก ๆ 2-3 เดือน 


8.พยาธิไส้เดือน  เป็นอาการโรคทางผิวหนัง โดยอาการของโรคนี้คือ สุนัขมีอาการคันขนร่วงคันตามผิวหนังบางตัวขนกลางหลังจะร่วง หรือร่วงหมดตัวสาเหตุของโรคนี้ เกิดจาก เห็บ หมัด อาการแพ้จากโรคพยาธิหัวใจการขาดฮอร์โมนบางชนิด แต่สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากพยาธิผิวหนังเราสามารถให้สัตว์แพทย์ตรวจสอบได้ โดยสัตว์แพทย์จะขูดผิวหนังบริเวณที่เป็นไปตรวจ เพื่อหาสาเหตุ พยาธิที่ทำให้เกิดโรคเรื้อนมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน
      1.เชื้อซาคอปติค เป็นขี้เรื้อนแห้ง ขนสุนัขจะร่วง ตกสะเก็ดแห้งเร็ว ถ้าเป็นแบบนี้รักษาได้ ไม่ยาก
      2. ขี้เรือนที่อยู่ในต่อมน้ำเหลือง ที่รากโคนขน เกิดจากเชื้อดีโมเด็กซ์ หรือที่เรียก ขี้เรื้อนเปียก การรักษาขี้เรือนแบบนี้ทำได้ยาก การรักษาโรคนี้ต้องใช้เวลาในการรักษาและต้องดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี